วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เปิดตัว Mazda 2 พร้อมเปิดราคาอย่างเป็นทางการ 3 รุ่น 4 ทางเลือก Groove, Spirit, และ Maxx Sport

MAZDA 2

เป็นรถยนต์ขนาดเล็กอีกรุ่นหนึ่งที่หลายคนตั้งตารอ และวันนี้ก็เป็นวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Mazda2 ใหม่ คู่แข่งตัวฉกาจของ Toyota Yaris และ Honda Jazz ที่ถือว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 โดยประเทศไทยได้รับโอกาสในการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยรถแฮทช์แบ็คสุดเฉี่ยวนี้จะมีการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดระยองเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย ในโอกาสการเปิดตัวครั้งนี้ทาง Mazda ประเทศไทยได้ถือโอกาสเปิดราคาของ Mazda 2 อย่างเป็นทางการด้วยแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีสื่อต่างๆได้เปิดราคาในระดับต่างๆไปแบบผิดๆถูกๆ ฉะนั้นวันนี้จึงถือว่าเป็นราคาที่เป็นทางการจริงๆครับ จะไปให้ไปเชื่อใคร ถ้าไม่เชื่อ Mazda เพราะเขามาเอง!



Mazda 2 รุ่น Hatchback 5 ประตู เป็นรถขนาดเล็กสำหรับตลาด B-Segment เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 103 แรงม้า สามารถใช้น้ำมันได้ถึง E20 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า โดยในช่วงแรกจะมีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ดังนี้ครับ



Groove Sport MT เกียร์ธรรมดา 535,000 บาท
Groove Sport AT เกียร์อัตโนมัติ 570,000 บาท
Spirit Sport AT เกียร์อัตโนมัติ 640,000 บาท
Maxx Sport AT เกียร์อัตโนมัติ ราคา 690,000 บาท

โดยช่วงนี้เป็นช่วงโปรโมชั่น แถมประกันภัยชั้น 1 มูลค่า 20,000 บาท สำหรับ Mazda 2 รุ่น 4 ประตูที่จะมาเป็นคู่แข่ง Toyota Vios และ Honda City น่าจะเปิดตัวประมาณไตรมาสแรกของปีหน้าครับ



ต้องบอกว่าดีไซน์ทิ้งห่าง Yaris และ Jazz มากพอสมควร โดยเฉพาะตัวท็อปที่ด้านหน้าทิ้งห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่น!





Mazda 2 ใหม่ ข้อมูล Mazda 2

MAZDA 2


ไม่ต้องลุ้นกันอีกต่อไปเมื่อ Mazda ประเทศไทย ได้ข้อสรุปเรื่องการเปิดตัวรถเล็กอย่าง Mazda 2 ที่เตรียมออกมาชน Honda Jazz และ Toyota Yaris หรือแม้แต่รถเล็กในระดับใกล้เคียงกัน งานนี้ Mazda จัดให้ในราคาเริ่มต้นที่ 5.5-5.7 แสนบาท สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา รุ่น S MT โดยมีราคารุ่นท็อปสุดอยู่ที่ประมาณ 7.15 แสนบาท คือรุ่น R AT ซึ่ง Mazda เตรียมเผยโฉมในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ แต่ตอนนี้ผู้ที่สนใจสามารถทำการจองได้ทุกโชว์รูมครับ

มาสด้า เตรียมเปิดตัวมาสด้า 2 รุ่นเล็ก ตั้งราคาหายใจรดต้นคอฮอนด้า แจ๊ซ ประเดิม 4 รุ่นให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ เริ่มต้นที่ 5.5 แสนบาท ต่างจากแจ๊ซหมื่นกว่าบาท พร้อมเผยโฉมทุกโชว์รูม 6 พ.ย. ศกนี้ เปิดจองได้ทุกโชว์รูมแล้ว

แหล่งข่าวจากบริษัทมาสด้า ประเทศไทยฯ เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาสด้าได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่มาสด้า 2 ในตลาดประเทศไทย โดยขณะนี้ได้สรุปรายละเอียดการเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย เพื่อขออนุมัติจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ราคาจำหน่ายของมาสด้า 2 นั้นเริ่มต้นที่ 5.5-5.7 แสนบาท ในรุ่นเกียร์ธรรมดา รุ่น S MT ตามด้วยรุ่น S AT นั้นราคาเพิ่มขึ้นเป็น 5.87-6.07 แสนบาท ส่วน 2 รุ่นท็อปนั้นราคา 6.40-6.60 แสนบาทในรุ่น V AT และ 6.95-7.15 แสนบาทในรุ่นท็อปสุด R ATที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งรวมทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว กุญแจรีโมต จอแสดงอัตราการบริโภคน้ำมัน เครื่องเล่นซีดี 6 แผ่น และปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย



“ตอนนี้ได้เปิดรับจองจากลูกค้าแล้ว โดยราคาจำหน่ายของมาสด้า 2 เมื่อเปรียบเทียบกับรถในเซ็กเมนต์เดียวกัน อย่างฮอนด้า แจ๊ซที่เป็นเจ้าตลาดนั้นจะเห็นว่าราคาไม่แตกต่างกันมาก โดยมาสด้า 2 จะถูกกว่าเล็กน้อย และได้เปรียบในเรื่องความสดใหม่และหน้าตาที่โฉบเฉี่ยว ทั้งนี้มาสด้าจะเน้นการทำตลาดในรุ่นท็อป 2 รุ่น เป็นหลักถึง 70% ของยอดขายทั้งหมด”แหล่งข่าวกล่าวและว่า

สำหรับแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ขนาดเล็กของมาสด้านั้น ได้ถูกกำหนดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดตัว แต่กำหนดการนำรถมาโชว์ตามโชว์รูมทั่วประเทศนั้น คาดว่ามาสด้า ประเทศไทยพร้อมที่จะส่งรถให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศราว 6 พ.ย. ศกนี้ ซึ่งเป็นช่วงของฤดูการขาย คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายของมาสด้าให้กระเตื้องขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปีนี้



อย่างไรก็ตามรถรุ่นที่จะนำมาเปิดตัวนี้จะเป็นแบบ 5 ประตูเพียงอย่างเดียว ส่วนแบบที่เป็น 4 ประตูนั้น ยังไม่มีกำหนดการที่เปิดตัว แต่คาดว่าพร้อมที่จะเผยโฉมและจำหน่ายในประเทศไทยได้ภายในปี 2553

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า สำหรับมาสด้า 2 นี้ ได้ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่น 1.5 ลิตร จะมีระบบ Variable Induction System ติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อกำลังที่ต่อเนื่องทุกช่วงรอบการทำงาน โดยมีกำลัง 103 แรงม้า แรงบิด 13.9 กก.-ม.



สำหรับยอดจำหน่ายรวม รถมาสด้าประจำเดือน กรกฎาคม2552 ที่ผ่านมานั้นพบว่ายอดขายได้ กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 15 เดือน ด้วยยอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 816 คัน เติบโตเพิ่มเกือบ 15 % ตัวเลขดังกล่าวมาจากกลุ่มรถกระบะ มาสด้า บีที- 50 เป็นหลัก ด้วยยอดขาย 442 คัน ส่วนเก๋งมาสด้า 3 ทำตัวเลขแตะ 367คัน

อนึ่ง มาสด้า 2 นี้ประกอบขึ้นจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง ซึ่งรุ่นที่จะเปิดตัวนี้เป็นแบบ 5 ประตู ส่วนแบบ 4 ประตูนั้นยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน และสำหรับโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ นี้ เป็นโรงงานร่วมทุนระหว่างฟอร์ดและมาสด้า ซึ่งในส่วนของฟอร์ดนั้นก็มีแผนการประกอบรถฟอร์ด เฟียสต้า เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงต้นปี 2553 โดยรถทั้งสองรุ่นนี้จะผลิตเพื่อป้อนตลาดต่างประเทศด้วย ทั้งในภูมิภาคอาเซียนออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้

ที่มา: หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2458 03 ก.ย.- 05 ก.ย.2552

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Vampire twilight new moon ดู Vampire twilight


vampire twilight new moon แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน ดู แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน เรื่องย่อ แวมไพร์













แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน เรื่องย่อ

The Twilight Saga : New Moon หรือชื่อไทยว่า แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน คือ ภาคต่อของภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายมากที่สุดในปี 2008 แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน คือ สงครามระหว่างแวมไพร์ มนุษย์ และ เผ่าพันธุ์หมาป่าเพื่อพิสูจน์ถึงรักแท้ มิตรภาพ ภราดรภาพ และ การเสียสละ ที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้มข้นขึ้นจาก ปฐมบท ในภาพยนตร์ Twilight

ใน แวมไพร์ ทไวไลท์ 2 นิวมูน ทุกอย่างเริ่มต้นที่งานวันเกิดครบรอบ 18 ปี ของ เบลล่า (คริสเตน สจ็วร์ต) ที่ครอบครัวคัลเลน ของเอ็ดเวิร์ด (โรเบิร์ต แพททินสัน) จัดเป็นเซอร์ไพร์ส ปาร์ตี้ให้แด่เธอ แต่แล้ววันที่เริ่มต้นอายุ 18 ปีของ เบลล่า กลับคือบทเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อพิสูจน์ถึงคุณค่า และ การเสียสละ ที่มีความรักระหว่างมนุษย์ แวมไพร์ เป็นแรงขับดันให้กับเพื่อนพ้อง และ พี่น้องของพวกเขาต้องออกมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เบลล่า และ เอ็ดเวิร์ด

เพราะ เบลล่า เผลอทำให้เลือดออก แจสเปอร์ หนึ่งในพี่น้องตระกลูคัลเลน ที่มิอาจทนความเย้ายวนของกลิ่นคาวเลือดได้ พุ่งเข้าทำร้ายเธอ เอ็ดเวิร์ด จึงตัดสินใจที่จะปกป้องผู้หญิงที่เขารักด้วยการหนีเธอไปให้ไกลที่สุด เพราะเขาเชื่อว่ามนุษย์กับแวมไพร์มิอาจคงอยู่ด้วยรักที่บริสุทธิ์หากแต่ร่างกายยังคงดึงดูดสัญชาติญาณความกระหายเลือดของพวกเขาอยู่

เพื่อตามหาคนรัก เบลล่า ตัดสินใจทำเรื่องเสี่ยงตายทุกนาที เพราะทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตรายเธอจะรู้สึกว่า เอ็ดเวิร์ด จะมาช่วยทุกครั้งหากแต่ครั้งนี้คนที่คอยปกป้องเธอกลับกลายเป็น เจคอบ (เทย์เลอร์ เลาว์เนอร์) เพื่อนสนิท ผู้พิทักษ์ที่ให้คำสัญญากับเธอว่า เขาไม่มีวันที่จะทำให้เธอเจ็บปวด ซึ่งเจคอบ พูดจริงทำจริง เพราะเผ่าพันธุ์ของเขาคือมนุษย์หมาป่าที่มี กลุ่ม Wolfpack เพื่อนพ้องรุ่นเดียวกันที่ตั้งทีมขึ้นมาเพื่อผู้พิทักษ์ มนุษย์ จากพวกแวมไพร์กระหายเลือด เจคอบ ช่วยชีวิต เบลล่า ไว้ถึง 3 ครั้ง จากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำ การตามล้างแค้นของ วิคตอเรีย แวมไพร์สาว ผู้ซึ่ง เจมส์ คู่รักของเธอถูกสังหารโดยครอบครัวคัลเลน และ การกระโดดหน้าผาของเพื่อตามหาเอ็ดเวิร์ด ของเบลล่า ซึ่งก่อให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่าง แวมไพร์ กับ แวมไพร์ด้วยกันเอง เบลล่า กระโดดหน้าผาทำให้เอ็ดเวิร์ดเข้าใจผิดว่าเธอตายแล้ว เขาตัดสินใจเดินทางไปยังอิตาลีเพื่อพบ กลุ่ม โวลตูรี แวมไพร์ผู้คุมกฎผู้มีอำนาจสังหารและชี้เป็นชี้ตายทุกตัวตนแห่งเผ่าพันธุ์แวมไพร์

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Pyramid :: เรื่องราวต่างๆของปิรามิดครับ

ครับ ต่อมา เปนเรื่องของ Pyramid ครับ เป็น สิ่งที่ผมอยากจะไปดูด้วยตาตัวเองมากที่สุด แต่ยังไม่มีโอกาศ เลย ครับ วันนี้จะนำ เรื่อง ราวต่างๆ ของ ปิรามิด มานำเสนอ นะครับ เท่าที่หาได้ - -"



สิ่งมหัศจรรย์ 7 สิ่ง

ถึงแม้โลกโบราณจะมีสิ่งมหัศจรรย์ 7 สิ่ง ซึ่งได้แก่ ประภาคารแห่ง Alexandria รูปปั้นแห่งเกาะ Rhodes สวนลอยแห่ง Babylon วิหารแห่ง Artemis ที่ฝังศพแห่ง Helecarnassus รูปปั้นของเทพ Zeus และพีระมิดแห่งอียิปต์ก็ตาม แต่ก็มีพีระมิดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่ยังคงสภาพอยู่จนทุกวันนี้ เพราะสิ่งมหัศจรรย์อีก 6 สิ่งนั้นได้ล่มสลายและสลักหักพังไปจนหมดสิ้นแล้ว





วันนี้ โลกรู้ว่าพีระมิดที่ใหญ่ที่สุดคือ มหาพีระมิดแห่ง Giza ซึ่งกษัตริย์ Khufu สร้างขึ้น

ณ วันนี้ โลกรู้ว่าพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดคือ มหาพีระมิดแห่ง Giza ซึ่งกษัตริย์ Khufu ได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ 4,550 ปีก่อนนี้ ตัวพีระมิดทำด้วยหิน โดยมีฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีด้านยาวด้านละ 230 เมตร และประกอบด้วยหินสองล้านสามแสนก้อน ทำให้หนักประมาณ 6 ล้าน 5 แสนตัน ตัวพีระมิดสูง 146 เมตร มันจึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก จนกระทั่งสถิติความสูงได้ถูกลบโดยหอ Eiffel ในปี พ.ศ. 2430

การศึกษาพีระมิดทำให้เรารู้ว่า ภายในพีระมิดมีห้องลึกลับและมีทางเดินที่คับแคบ

ซึ่งห้องเหล่านั้นเคยใช้เป็นที่เก็บมัมมี่ขององค์ฟาโรห์ มเหสีและมหาสมบัติมากมาย การมีขนาดใหญ่มโหฬารมากทำให้ชาวอาหรับในสมัยโบราณเรียกพีระมิดว่า มหาบรรพตแห่งองค์ฟาโรห์ และเมื่อ 200 ปีก่อนนั้น ใครก็ตามที่ได้ไปเยือนอียิปต์ มักจะถือโอกาสไต่พีระมิดขึ้นไปจนถึงยอด ปัจจุบันกิจกรรมนี้เป็นที่ต้องห้ามแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวอาจเป็นอันตรายจากการตกพีระมิดตายได้







คนที่รู้จักพีระมิดมักพูดถึงชาวอียิปต์

คำถามหนึ่งที่คนทุกคนที่รู้จักพีระมิดมักถามคือ คนอียิปต์โบราณสร้างพีระมิดได้อย่างไร และสร้างมันขึ้นด้วยเหตุใด และทำไมจึงต้องมีรูปแบบนั้น ในความเป็นจริง คนอียิปต์มิได้เป็นชนชาติเดียวเท่านั้นที่รู้จักสร้างพีระมิด ใน Sudan ก็มีพีระมิดใน Mexico ชน Aztec ก็สร้างพีระมิดเช่นกัน และแม้แต่ในอียิปต์เองก็มีพีระมิดอื่นๆ อีกราว 800 พีระมิด

ข้อสังเกตหนึ่งที่นักอียิปต์วิทยาสรุปได้จากการศึกษาพีระมิดคือ ผิวด้านข้างของพีระมิดที่สร้างในยุคแรกๆ นั้น มิได้ราบเรียบ แต่มีลักษณะเป็นขั้นบันได เสมือนจะให้กษัตริย์ได้ใช้ดำเนินขึ้นไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์ ดังที่ฟาโรห์ Djoser ได้ทรงสร้างพีระมิดขั้นบันไดขึ้นที่ Saqqara เมื่อ 4,680 ปีก่อนนั้น

ตามปกติคนอียิปต์นั้นมีความเชื่อว่า ฟาโรห์คือเทพเจ้าผู้เป็นทั้งแม่ทัพ ผู้พิพากษา และเป็นผู้พิทักษ์รักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดินทั้งมวล พูดง่ายๆ คือ พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจคนทุกคนในประเทศ ดังนั้น ในการสร้างพีระมิดแต่ละลูก คนงานที่ลากหินมาสร้างพีระมิดจึงไม่ใช่ทาส แต่เป็นชาวนา ชาวไร่ผู้มีความเชื่อว่า สิ่งที่ตนกำลังทำนั้น มีส่วนช่วยให้องค์ฟาโรห์ได้ไปจุติบนสวรรค์ และเมื่อถึงเวลาที่ตนจะจากโลกนี้ไปบ้าง เทพฟาโรห์ก็จะได้พิทักษ์ปกป้องตนต่อไป

เพราะพีระมิดที่สร้างเมื่อ 4,000 ปีก่อน ยังตั้งตระหง่านอยู่ได้จนทุกวันนี้ ความยืนยงคงกระพันของพีระมิดได้ทำให้ชาวอียิปต์มีคำกล่าวว่า ถึงแม้เวลาจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เวลาก็มิอาจทำลายพีระมิดได้

ตัวพีระมิดแห่ง Giza ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ Nile เพราะชาวอียิปต์ถือว่าดินแดนในทิศตะวันตกคือ ดินแดนสำหรับคนที่ตายไปแล้ว ดังนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตก ดวงอาทิตย์จึงได้ติดตามเหล่าวิญญาณไป ส่วนองค์ฟาโรห์นั้น พระองค์คือเจ้าชีวิตของประชาชนที่คนทุกคนอาจตายแทนได้





คำว่า pharaoh หมายถึงปราสาทไม่ใช่กษัตริย์

ความจริงคำว่า pharaoh แปลว่า บ้านหลังใหญ่ คำๆ นี้ในระยะแรกจึงหมายถึงปราสาทไม่ใช่กษัตริย์ และการสร้างพีระมิดสำหรับเก็บพระศพ หากสร้างใหญ่มาก ก็ต้องใช้เวลานานหลายปี

ซึ่งองค์ฟาโรห์อาจสิ้นพระชนม์ก่อน นอกจากนี้การสร้างใหญ่เป็นการลงทุนที่มหาศาลที่ต้องใช้คนและทรัพย์มาก ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของผู้คนลำบากมาก แต่ครั้นจะสร้างเล็กก็ดูไม่สมศักดิ์ศรีเลย

การศึกษาประวัติศาสตร์ของอียิปต์ทำให้เราทุกวันนี้รู้ว่า เวลาฟาโรห์สิ้นพระชนม์ พระนักบวชจะนำพระศพล่องเรือไปยังสถานศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทำมัมมี่ก่อนแล้วจึงเอาผ้าลินินขาวพันพระศพ จากนั้นอีก 70 วันต่อมา พระนักบวชก็จะทำพิธีฝังพระศพ โดยให้สตรีในราชสำนักนุ่งขาวแล้วส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญ พร้อมกับโยนทรายไปในอากาศ

จนกระทั่งถึงพีระมิด พระก็จะนำพระศพเข้าไปข้างในห้องลึกลับ เพราะพระคิดว่าวิญญาณฟาโรห์ยังต้องการอาหารและเครื่องดื่มต่อ พระจึงนำอาหารวางไว้ด้วย แล้วก็ปิดห้องลึกลับนั้นทันที เพื่อป้องกันขโมยที่จะมาปล้นราชสมบัติในภายหลัง

ในสมัยนั้น คนอียิปต์นิยมใช้เรือเป็นพาหนะสำคัญ เพราะยังไม่รู้จักใช้รถที่มีล้อ และแม้แต่สุริยเทพ Re เอง ก็ทรงใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางข้ามท้องฟ้า ดังนั้น เวลาฟาโรห์สิ้นพระชนม์ศพพระองค์ก็ทรงเดินทางด้วยเรือเช่นกัน ดังที่ปรากฏในปี พ.ศ. 2497 ได้มีการขุดพบเรือศพของฟาโรห์ Khufu ใกล้พีระมิดที่พระองค์ทรงสร้างนั่นเอง





ในการสร้างพีระมิดฟาโรห์ต้องวางแผนก่อสร้าง รวมทั้งสถานที่ตั้งด้วย

ในการสร้างพีระมิดทุกครั้ง ฟาโรห์ต้องวางแผนก่อสร้าง รวมทั้งสถานที่ตั้งด้วย โดยมีหลักการง่ายๆ ว่า พีระมิดที่จะสร้างใหม่ต้องอยู่ใกล้แม่น้ำ เพื่อความสะดวกในการขนหิน ชนิดของหินก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน เพราะพีระมิดมีหลายชั้น การใช้หินที่ไม่แข็งแรงอาจทำให้พีระมิดทรุดตัวลงได้

ณ วันนี้ ไม่มีใครรู้แน่ชัด 100% ว่า ชาวอียิปต์โบราณสร้างพีระมิดอย่างไร เมื่อ 2,500 ปีก่อนนี้ นักประวัติศาสตร์ชื่อ Herodotus ได้อ้างว่าฟาโรห์ใช้คนในการก่อสร้างพีระมิดมากถึง 100,000 คน และนานถึง 20 ปี แต่นัเทคโนโลยีทุกวันนี้เชื่อว่า ตัวเลขกรรมกรขนหินน่าจะเป็นเพียง 4,000 คนมากกว่า การที่ใช้คนจำนวนน้อยเช่นนี้ เพราะกรรมกรไม่ต้องทำงานทั้งปี คือเฉพาะเวลาน้ำในแม่น้ำไนล์ท่วมฝั่งชาวนาและกสิกรจะว่างงาน จึงทิ้งนาเพื่อมาช่วยสร้างพีระมิดถวายแด่องค์ฟาโรห์ของตน




ที่น่าสนใจในยุคต่อมา เหตุใดฟาโรห์ในระยะหลังๆ จึงไม่สร้างพีระมิดให้ใหญ่

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อถึงยุคต่อมา เหตุใดฟาโรห์ในระยะหลังๆ จึงไม่ได้สร้างพีระมิดให้ใหญ่ขนาดนั้นบ้าง
ในหนังสือชื่อ Theory and Pradice in Mediterranean Archaeology : Old World and New World Perspectives ที่ Joyce Marcus เรียบเรียงและออกวางตลาดเมื่อเร็วๆ นี้

เธอได้อธิบายว่า ในอดีตเราเคยเชื่อกันว่า พีระมิดแห่ง Giza คือหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ฟาโรห์ทรงสร้างขึ้นเพื่อแสดงความเป็นมหาอำนาจ และความยิ่งใหญ่อลังการของอาณาจักรพระองค์ แต่ในความเป็นจริง พีระมิดขนาดใหญ่เป็นโฆษณาชวนเชื่อมากกว่า เพราะการศึกษาประวัติศาสตร์อียิปต์ในยุคต่อจากฟาโรห์ Khufu แสดงให้เห็นว่า

ถึงฟาโรห์ในยุคหลังๆ จะมีพระราชสมบัติ และพระราชอำนาจยิ่งกว่า Khufu แต่พระองค์ก็ทรงไม่ใช้ผู้คนและทรัพย์สินในการสร้างพีระมิดให้ใหญ่กว่าพีระมิดของ Khufu อีกเลย

ดังนั้น เราจึงได้คำตอบว่า Khufu สร้างพีระมิดขนาดมโหฬารขึ้นมาเพื่อให้ประเทศเพื่อนบ้านตื่นตาตื่นใจ และศรัทธาในความเป็นอารยะของตน พีระมิดจึงเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ ชวนศรัทธาในฟาโรห์เท่านั้นเอง Marcus

ยังได้บรรยายต่อว่า การสร้างพีระมิดให้ใหญ่กว่าพีระมิดแห่งพระอาทิตย์ที่ Teatihuacan ก็หยุดเช่นกัน ถึงแม้กษัตริย์ Aztec มีอำนาจและอาณาจักรจะรุ่งเรืองกว่าเก่าก็ตาม

ดังนั้นในสายตาและมุมมองของ Marcus พีระมิดจึงเป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับแสดงแสนยานุภาพของฟาโรห์ให้คนอื่นยำเกรงเท่านั้นเอง

จึงสรุปได้ว่า ทุกวันนี้ก็เช่นกัน การสร้างถาวรวัตถุที่มีขนาดใหญ่มักถือเป็นการแสดงบารมีของผู้สร้าง แต่มันก็หาใช่บารมีที่แท้จริงไม่

ทั้งนี้ ถ้า ใคร สนใจ อยากไปชมสถานที่จริง ก้ต้อง ลงทุน กันหน่อย ล่ะครับ มีเวป ทัวร์ เปิด รับอยู่มากมาย ครับ





ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพจาก เกร็ดความรู้น่าอ่าน
เว็บไซต์ โบราณคดี
หมวดอารยธรรมต่างแดน

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

The Best ว่าด้วย ความ ที่สุด ของทุกอย่างครับ !

เริ่มกันที่เรือครับ นี่คือ เรือสำราญ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ " ฟรีดอม ออฟ เดอะ ซี "

"FREEDOM OF THE SEAS"







ในที่สุดหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการ ด้านเรือสำราญหรูของโลก โรยัล แคลิเบี้ยน ก็ได้ลบสถิติโลก ด้วยการเปิด ตัวเรือ สำราญ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก FREEDOM OF THE SEAS

ในที่สุดหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการเรือสำราญหรูของโล ก รอยัล แคลิเบี้ยน ก็ได้ลบสถิติโลกด้วยการเปิดตัวเรือสำราญ หรูหราลำล่าสุดที่ ประกาศว่าเป็นเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก"ฟรีดอม ออฟ เดอะ ซี" FREEDOM OF THE SEAS อิสรภาพแห่งท้องทะเลหรือฉายา "ก็อดมาเธอร์" อย่างเป็นทางการท่ามกลางสื่อมวลชนและเอเย่นต์จากทั่ว ทุกมุมโลกไปแล้ว ที่ประเทศอังกฤษ

"ฟรีดอม ออฟ เดอะ ซีส์" (Freedom of the Seas) เรือสำราญขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่งได้ฤกษ์เปิดตัวลงน ้ำอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง หากจะถามว่าใหญ่โตขนาดไหนคงบอกชนิดให้ภาพได้คร่าวๆว่ า เธอ (ก็ธรรมเนียมตะวันตกยกให้เรือเป็นเพศหญิงนี่คะ) ทำให้เรือลำอื่นๆกลายเป็น "เรือแคระ"ไปในพริบตา ด้วยความสูง 237 ฟุตซึ่งหากนำมาตั้งบนบกก็จะสูงกว่าหอไอเฟลในกรุงปารี ส ความยาวเรือ 1,112 ฟุต น้ำหนัก 158,000 ตัน โถงภายในเรือมีความสูงเท่ากับตึก 14 ชั้น และบนนั้นก็มีดาดฟ้าให้ผู้โดยสารขึ้นไปนั่งๆนอนๆกินล มชมวิวถึง 15 ดาดฟ้าด้วยกัน

รอยัล แคริบเบียน ครูซเซส บริษัทเดินเรือเพื่อการท่องเที่ยวและพาณิชย์ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในเมืองไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าของเรือยักษ์ดังกล่าว ว่ากันว่าแม้แต่กัปตันเรือเองก็ยังเดินสำรวจได้ไม่ทั ่วทุกซอกทุกมุมของเรือลำนี้ด้วยความใหญ่โตมโหฬารของม ันนั่นเอง

ก่อนที่จะมีการตัดริบบิ้นฟาดขวดแชมเปญปล่อยเรือลงน้ำ เอาฤกษ์เอาชัยตามธรรมเนียม เรือฟรีดอม ออฟ เดอะ ซีส์ ทดสอบการเดินทางมาแล้วในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาโดย ล่องจากเมืองฮัมบวร์กในประเทศเยอรมนีไปยังเมืองออสโล ประเทศนอรเว บรรทุกเฉพาะลูกเรือและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำเรื อเท่านั้น ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางพักผ่อนหย่อ นใจเป็นชุดแรกกำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า ต้นทางคือเมืองไมอามี่ จุดหมายปลายทางคือหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียนฝั่งตะวัน ตก

กว่าจะได้เรือสวยสุดหรูออกมาขนาดนี้ รอยัล แคริบเบียนฯ ควักเงินลงทุนไปถึง 800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 32,000 ล้านบาท แต่บริษัทก็หวังว่าในการออกเดินทางแต่ละครั้งซึ่งจะบ รรทุกผู้โดยสารได้คราวละ 4,000 กว่าคน จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างเนืองแน่น เพราะบนนั้นเปรียบได้กับสวรรค์ลอยน้ำที่มีทุกสิ่งทุก อย่างที่ทุกคนคาดหวัง แถมด้วยบางอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดว่าจะมี เช่นทะเลจำลองที่ติดตั้งอุปกรณ์ทำคลื่นเทียมเพื่อให้ นักเล่นกระดานโต้คลื่นได้ลงไปเล่นกัน นอกจากนี้ยังมีลานสเก็ตน้ำแข็ง เวทีมวย และหน้าผาเทียมความสูงเท่าตึก 13 ชั้นเอาไว้ปีนป่ายท้าทายความแข็งแกร่งของร่างกาย

สนนราคาความสุขบนเกลียวคลื่น เริ่มจาก 1,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 76,000 บาท) เป็นตั๋วแพ็คเกจ 7 วันสำหรับผู้โดยสารที่มาเป็นคู่ ราคานี้เฉพาะในช่วงโลว์ซีซั่น แต่ถ้าเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ห้องขนาดเดียวกัน (มีระเบียงส่วนตัว) จะขยับราคาขึ้นไปได้เกือบๆ 2,500 ดอลลาร์ (100,000 บาท) ห้องชุดสุดหรูจะมีราคาถึง 22,000 ดอลลาร์ (880,000 บาท)



เห็นราคาน่าขนลุกแบบนี้อย่าคิดว่าจะไม่มีใครกล้าจ่าย เพราะขนาดยังไม่เริ่มเปิดบริการอย่างเป็นทางการ เจ้าห้องเดอลุกซ์ที่ว่าน่ะ มีคนจองเต็มแล้วไปจนกระทั่งถึงปี 2551 ! ใครนึกคันมือคันไม้อยากควักกะตังค์ใจจะขาด เชิญรอไปอีก 2 ปีนะจ๊ะ

+ เปรียบเทียบความมหึมาจากอดีต-ปัจจุบัน

เรือไททานิค (Titanic)
น้ำหนัก 46,329 ตัน บรรทุกผู้โดยสาร กว่า 3,500 คน เงินลงทุน 7.5 ล้านดอลลาร์ (ปีค.ศ. 1912)

เรือควีน แมรี่ 2 (Queen Mary 2)
น้ำหนัก 151,400 ตัน บรรทุกผู้โดยสาร ประมาณ 3,000 คน เงินลงทุนราว 800,000 ล้านดอลลาร์

เรือฟรีดอม ออฟ เดอะ ซีส์ (Freedom of the Seas)
น้ำหนัก 158,000 ตัน บรรทุกผู้โดยสารได้กว่า 4,000 คน เงินลงทุนประมาณ 800,000 ล้านดอลลาร์

ฟรีดอม ออฟ เดอะ ซี เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดเพื่อลบล้างความรู้สึกน่าเบื่อห น่ายเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือสำราญเป็นระยะเวล านานทิ้ง เรือลำนี้จึงไม่ต่างจาก การเนรมิตรเมืองขึ้นมาเมืองหนึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดว กครบครัน และมากเกินความจำเป็นที่หาไม่ได้ในเรือสำราญลำอื่น

ไม่ว่าจะป็น วินเซิร์ป แห่งแรกแห่งเดียวในโลกที่ถูกบรรจุไว้ในเรือสำราญ H20 ศูนย์รวมแห่งสวนน้ำ สวนสนุก ลานสเก็ต สนามมวย ถนนช้อปปิ้งยาวเฟื่อย 400 กว่าฟุต ที่มีไว้บริการ ซึ่งถือว่าเป็นการบริการ ที่นอกเหนือจากที่เรือสำราญทั่วไปเพื่อสร้างความสนุก สนานให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างไม่รู้จักคำว่า "เบื่อ" โดยมีกิจกรรมทำตลอดทั้งวัน

ส่วนการเลือกเปิดตลาดที่อังกฤษ ส่วนหนึ่ง เพราะต้องการรุกตลาดยุโรป หลังจากเป็นที่รู้จักในอเมริกากันเป็นอย่างดีอยู่แล้ ว โดยเส้นทางที่เรือลำนี้ให้บริการ เป็นเส้นทาง แถบ ทะเล แคลลิเบี้ยนเวสเทอร์น แคลิเบี้ยน แม็กซิโก 7 คืน เริ่มจากไมอามี่ ไปแม็กซิโก จอห์นทาวน์ จาไม้ก้า เฮติ ฯลฯ แล้วย้อนไปไมอามี่ใหม่ โดยจะเริ่มออกเดินทางทุกวันอาทิตย์

สนทราคาค่าบริการอยู่ที่เริ่มต้น 800 เหรียญยูเอส หรือราว 30,000 บาท สำหรับห้องพักที่ไม่มีหน้าต่าง และราคาสำหรับห้องพักแบบสวีทอยู่ที่ 3,750 เหรียญยูเอส หรือราว 142,500 บาทสำหรับห้องพักที่อยู่ได้ 14 คน เน้นความเป็นส่วนตั๋ว ส่วนตัว เหมาะสำหรับตลาดครอบครัว ราคานี้เป็นราคาค่าบริการเรือ แต่ถ้าเดินทางจากเมืองไทยก็ต้องรวมค่าตั๋วเครื่องบิน และอื่น ๆ อีก

ฟรีดอม ออฟ เดอะ ซี ใช้เม็ดเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญยูเอส โดยต่อขึ้นที่ประเทศฟินแลนด์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีน้ำหนักรวม 160,000 ตัน มีทั้งหมด 20 ชั้น แต่ให้บริการเพียงแค่ 15 ชั้น

แต่ละชั้นยังได้จัดแบ่งการใช้สอยไว้อย่างเป็นระบบ เริ่มจากชั้น 2 บางส่วนจะเป็นห้องพัก , ห้องประชุม ,มีลานไอซ์สเก็ตจุคนได้ 1,200 คน กลางคืนจะมีโชว์ระดับโลก อาทิ ไอซ์ดอดคอม และห้องอินเตอร์เนต

ชั้น 3 มีอาร์ตแกลลอรี่ โฟโต้ มีการแสดงของตากล้องที่มีชื่อเสียง และมีดิสโก้เทค

ห้องอาหาร มีการตกแต่งด้วยภาพเขียน มีภาพถ่ายของลีโอนาร์โด ดาวินชี ชั้น 4 จะมีห้องคาสิโน ชั้น 5 จะเป็นถนนสายช้อปปิ้ มีความยาวของถนนไปจนถึงสุดปลายอีกด้านหนึ่งของเรือ ประมาณ 445 ฟุต หรือประมาณ 103 เมตรกว่า เรียกว่าช้อปกันไม่เบื่อ เพราะ ซ้าย-ขวามีร้านค้า เรียงรายให้เลือกซื้อ เลือกใช้บริการด้านความงามทั้งร้านทำผมคุณผู้ชาย ร้านหนังสือ ร้านขายของที่ระลึก ร้านไอศรีม ผับสไตล์อังกฤษ แชมเปญบาร์ ร้านกาแฟชื่อดัง เรียกว่ามีบริการหลากหลายจนเลือกไม่ถูก

ชั้น 6 เป็นห้องเพรสซิเด้นท์สวีท เป็นห้องพักที่ค่อนข้างหรูหรา ส่วนชั้น 7 ?ชั้น 9 จะเป็นห้องพักทั่วไป ชั้น 10 จะเป็นในส่วนของเอนเตอร์เทนเม้นท์ ชั้น 11 จะเป็นร้านอาหาร ชั้น 12-ชั้น 13 เป็นส่วนของเอดเวนเจอร์ และจะเป็น H2O โซนก็จะเป็นสวนน้ำสำหรับเด็กและครอบครัว ส่วนบริการอื่นๆ ก็ไล่เลียงกันมาตามชั้นต่าง ๆ อาทิ เกมส์ สนามบาสเก็ตบอล ,วอลเล่ย์บอล สนามกอล์ฟมินิ 9 หลุม สระว่ายน้ำ เลานจ์ที่อยู่บนยอดสูงสุดของเรือทำให้มองเห็นวิวทิวท ัศน์ของท้องทะเลในมุมมอง 360 อาศาทีเดียว

ฟรีดอม ออฟ เดอะ ซี จุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 4 พันคน ไม่รวมลูกเรืออีกร่วมพันคน ทุกอย่างฟรีหมดยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรืออาหารชนิดพิเศษที่ต้องจ่ายเพิ่มเป็นค่าจอง หมายความว่าลูกค้าโทรเข้าไปจองก็จะเสียค่าจอง 20 เหรียญหรือ 760 บาท หลังจากนั้นจะสั่งอะไรก็ได้ มีบริการรูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง สามารถสั่งอาหารรับประทานได้ตลอดเวลา